
ตำนานของหลวงพ่อวัดไร่ขิงเริ่มต้นมาจากพี่น้องชาวเมืองเหนือ ๕ คน ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันมีฤทธิ์อำนาจทางจิตมาก ได้พร้อมใจกันตั้งสัตย์อธิฐานว่าเกิดมาชาตินี้จะขอบำเพ็ญบารมีช่วยให้สัตว์โลกได้พ้นทุกข์ แม้จะตายไปแล้วก็จะขอสร้างบารมีช่วยสัตว์โลกให้ได้พ้นทุกข์ต่อไปจนกว่าจะถึงพระนิพาน
ครั้งพระอริยบุคคลทั้ง ๕ องค์ ได้ดับขันธ์ไปแล้วก็เข้าไปสถิตในพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์ แต่ก็ยังคงมีความปรารถนาที่จะช่วยคนทางเมืองใต้ที่อยู่ติดแม่น้ำให้ได้พ้นทุกข์ จึงได้พากันลอยน้ำลงมาตามลำน้ำทั้ง ๕ สาย เมื่อชาวบ้านตามเมืองที่อยู่ริมแม่น้ำเห็นเข้า จึงได้อัญเชิญและประดิษฐานไว้ตามวัดต่างๆ มีดังนี้
1. พระพุทธรูปองค์แรกลอยไปตามแม่น้ำบางปะกง ขึ้นสถิตที่วัดโสธรวรวิหารเมืองแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกกันว่า “หลวงพ่อโสธร”
2. พระพุทธรูปองค์ที่ ๒ ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี(ท่าจีน) ขึ้นสถิตที่วัดไร่ขิงเมืองนครชัยศรี เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดไร่ขิง”
3. พระพุทธรูปองค์ที่ ๓ ลอยไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสถิตที่วัดบางพลี เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบางพลี”
4. พระพุทธรูปองค์ที่ ๔ ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลองขึ้นสถิตที่วัดบ้านแหลม เมืองแม่กลอง เรียกว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”
5. พระพุทธรูปองค์ที่ ๕ ลอยไปตามแม่น้ำเพชรบุรี ขึ้นสถิตที่วัดเขาตะเคราเมืองเพชรบุรี เรียกว่า “หลวงพ่อวัดเขาตะเครา”
2. พระพุทธรูปองค์ที่ ๒ ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี(ท่าจีน) ขึ้นสถิตที่วัดไร่ขิงเมืองนครชัยศรี เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดไร่ขิง”
3. พระพุทธรูปองค์ที่ ๓ ลอยไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสถิตที่วัดบางพลี เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบางพลี”
4. พระพุทธรูปองค์ที่ ๔ ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลองขึ้นสถิตที่วัดบ้านแหลม เมืองแม่กลอง เรียกว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”
5. พระพุทธรูปองค์ที่ ๕ ลอยไปตามแม่น้ำเพชรบุรี ขึ้นสถิตที่วัดเขาตะเคราเมืองเพชรบุรี เรียกว่า “หลวงพ่อวัดเขาตะเครา”
ส่วนประวัติที่หนังสือหลวงพ่อวัดไร่ขิงเขียนไว้ได้กล่าวไว้ว่า
สมเด็จพระพุฒาจารย์(พุก) ได้อัญเชิญหลวงพ่อวัดไร่ขิงมาจากวัดศาลาปูน โดยนำล่องมาทางน้ำด้วยการทำแพไม้ไผ่ เมื่อถึงหน้าวัดไร่ขิงจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ภายในอุโบสถ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งเป็นวันสงกรานต์พอดีจึงมีประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมกัน ในขณะที่อัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นจากแพ สู่ปะรำพิธีได้เกิดอัศจรรย์แสงแดดที่แผดจ้ากลับพลันหายไป ความร้อนระอุในวันสงกรานต์ก็บังเกิดมีเมฆดำมืดทะมึน ลมปั่นป่วน ฟ้าคะนอง และบันดาลให้มีฝนโปรยลงมา ทำให้เกิดความเย็นฉ่ำและเกิดความปิติ ยินดีกันโดยทั่วหน้า ประชาชนที่มาต่างก็พากันตั้งจิตอธิษฐานเป็นหนึ่งเดียวกันว่า “หลวงพ่อจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับความร้อนร้ายคลายความทุกข์ให้หมดไป ดุจสายฝนที่เมทนีดลให้ชุ่มฉ่ำ เจริญงอกงามด้วยธัญญาหารฉะนั้น”
นั้นเป็นเรื่องของตำนานและประวัติหลวงพ่อวัดไร่ขิงครับ ส่วนประวัติการสร้างสมเด็จหลวงพ่อวัดไร่ขิงปี 2514 นั้น ในปี 2514 วัดไร่ขิงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง ทางวัดจึงได้จัดสร้างพระขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึก โดยมีพิธีใหญ่มากเชิญเกจิดังๆมามากมายเช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ และอื่นๆ
โดยเฉพาะหลวงพ่อเงิน ซึ่งในสมัยนั้นชื่อเสียงท่านโด่งดังมากทั้งในระดับจังหวัดและประเทศ ได้ไปปลุกเสกทุกวัน โดยไปถึงคนแรกกลับคนสุดท้ายทุกวัน มีลูกศิษย์ถามหลวงพ่อว่าทำไมหลวงพ่อถึงมาคนแรกกลับคนสุดท้ายทุกวันเลยละครับ ซึ่งหลวงพ่อเงินตอบว่า “หลวงพ่อวัดไร่ขิ่ง เป็นสิ่งศักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครปฐม ต้องตั้งใจทำให้ดี” แค่นี้ก็น่าใช้ น่าบูชาแล้วครับ
นอกจากนี้สมเด็จวัดไร่ขิงยังสร้างขึ้นมาจากมวลสารมากมาย แต่ที่พิเศษสุดคือเศษปูนพอกพระเกศองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง แขวนพระรุ่นนี้ก็เหมือนแขวนหลวงพ่อวัดไร่ขิงองค์จริงติดตัวไปด้วยอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ โดยสมเด็จวัดไร่ขิงจัดสร้างทั้งหมด 4 พิมพ์คือพิมพ์เล็ก พิมพ์กลาง พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ใหญ่พิเศษ จำนวน 10000 องค์ในแต่ละพิมพ์
สมเด็จวัดไร่ขิงปี 2514 เป็นพระที่เด่นด้านเมตตามหานิยมครับ แต่ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยก็ไม่ได้ยิ่งย่อยเช่นกัน พวกตำรวจในเมืองนครปฐมชอบแขวนครับ เพราะแขวนแล้วนายรักใคร่เอ็นดู เวลาไปบุกจับอะไรปลอดภัยกลับมาตลอด ถือเป็นพระยอดนิยมของจังหวัดนครปฐมที่น่าเก็บจริงๆครับ
